ครม. ตั้ง ‘พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง’ ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ปปง.

ครม. ตั้ง ‘พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง’ ดำรงตำแหน่งเลขาฯ ปปง.

ครม. แต่งตั้ง พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ปปง. วันนี้ (15 ก.พ.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ปปง.แทนตำแหน่งที่ว่าง

และส่งให้วุฒิสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน 

ครม.นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามมาตรา 57 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

DNA ได้ออกมาโต้ตอบ อนุฯแพทยสภา หลังจากที่ทางแพทยสภา ระบุให้ มีการติดสัญลักษณ์ที่ กาชาด เพื่อระบุตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่แพทย์ แอคเคาต์ DNA บุคลากรทางการแพทย์​และอาสาสมัคร ได้โพสต์ข้อความชี้แจงโต้ตอบอนุฯแพทยสภา หลังจากที่แพทยสภาระบุว่า ขอหน่วยงานที่รับผิดชอบ จัดให้มีระบบการให้การดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม มีการติดสัญลักษณ์ที่ระบุว่าเป็นบุคลากรหรืออาสาสมัครทางการแพทย์ที่ชัดเจน เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้สามารถปฏิบัติการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้อย่างปลอดภัย ตามหลักสากล

หน่วยแพทย์อาสา “DNA หน่วยบุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร” ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องสัญลักษณ์ว่า สาเหตุที่ทางทีมไม่ได้ขออนุญาตใช้เครื่องหมายกาชาด เนื่องจากทีมเกิดจากการวมตัวของแพทย์ พยาบาล สหวิชาชีพต่าง ๆ และอาสาสมัครทางการแพทย์ อย่างเร่งด่วน เพื่อให้การบริการทางการแพทย์ในพื้นที่ชุมนุม ณ ขณะนั้น

พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.63 ซึ่งหากทีมทำการขออนุญาตใช้เครื่องหมายกาชาด อาจใช้ระยะเวลานาน ไม่ทันต่อการลงพื้นที่ในครั้งถัดไป

นอกจากนี้ ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ทางทีมได้ดำเนินการตามแผนการแพทย์ที่ทีมได้วางแผนไว้อย่างเป็นระบบ แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น อย่างที่ปรากฏออกมา

ประยุทธ์ สวน ทักษิณ แก้ รธน. ไม่แก้ปัญหาความยากจน

ประยุทธ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ โต้ตอบ ทักษิณ หลังจากที่อดีตนายกเสนอว่าการแก้รัฐธรรมนูญจะสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาแนะนำให้แก้ปัญหาความยากจนด้วยการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า ตนก็ได้ดูไปบ้าง

ถือว่าสิ่งที่กล่าวมาอาจไม่ใช่แก้จนด้วยแก้รัฐธรรมนูญ เอาแค่เคารพกฎหมายที่มีอยู่ให้มากที่สุด ทุกอย่างก็เดินหน้าไปได้ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ว่ากันไปในกระบวนการรัฐสภาที่มีกำหนดการและวิธีการ รวมทั้งมีกฎหมายครบถ้วนทุกประการ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการต่อไป พร้อมย้ำว่ารัฐบาลสนับสนุนให้แก้ไขแต่จะแก้ไขอย่างไรก็สุดแล้วแต่รัฐสภา ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีการปรับและแก้ปัญหาในเรื่องการทุจริตผิดกฎหมายได้หรือไม่

นายกฯ ยังได้กล่าวอีกว่า วันนี้สิ่งที่ขอร้องคือขอให้ทุกคนรู้กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันและเข้าใจในเรื่องการแก้กฎหมายจะแก้ไปเพื่ออะไรและเพื่อใคร ทั้งนี้การจะแก้อะไรก็ตามตนมีนโยบายและเจตนารมณ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลการแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ได้มากที่สุด

ซึ่งวันนี้มีหลายมาตรการที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายและสนับสนุนวงเงินต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ ทุกอย่างต้องทยอยดำเนินการตามข้อมูลที่มีอยู่ตามความเดือดร้อนโดยทำอย่างรัดกุม ซึ่งประชาชนอาจลำบากบ้างแต่ขอให้คุณสนในเรื่องเหล่านี้ด้วย

เพราะเราต้องบริหารราชการและเดินหน้าในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณและการจ่ายเงินในแนวทางใหม่ เช่น ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งเป็นการเดินหน้า และมีหลายประเทศก็ดำเนินการไปแล้ว เราจะไม่ปรับเปลี่ยนก็คงไม่ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดตนได้เน้นย้ำว่าให้ลงถึงมือประชาชนแม้จะยากแต่ก็ต้องพยายาม

ยัน วัคซีนแอสตรา 1 ขวด ถึงได้ 12 โดส “เมื่อมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ดึงยาได้ 10 เข็มต่อ 1 ขวด ปริมาณใช้ 0.5 ซีซีต่อ 1 ครั้งการฉีด แต่เมื่อให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบพบว่า การบรรจุขวดมา 6.5 ซีซี จะได้ 12 เข็ม ได้เดินขอคุณพยาบาล และเภสัชกรให้พวกเขาช่วยดึงวัคซีนแอสตร้าฯ ให้ได้ 12 เข็มต่อขวดแทน โดยบุคลากรของไทย ทำได้ มีคนก่นด่าว่า ทำไม่ถูกต้อง ไปกดดันเจ้าหน้าที่ ลงโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายว่าตั้งใจลดคุณภาพการฉีดวัคซีน แต่ในที่สุด แม้แต่องค์การอนามัยโลกก็ยังมีการยืนยันว่าพึงกระทำได้ ถ้าไม่มีการผสมข้ามขวด จนเดี๋ยวนี้ไปที่โรงพยาบาลไหน คุณพยาบาลก็มักจะโชว์ผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและภาคภูมิใจว่าพวกเขาทำได้ 12 เข็มจริงๆ โดยเราสามารถฉีดวัคซีนให้พี่น้องประชาชนได้เพิ่มอีกกว่า 5 ล้านคน”

แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี